ติดต่อโฆษณาได้ที่ Tel. 094-8659368 ; Email:Ruttanapatum@gmail.com;

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข่าวร้าย สั่งพรีออเดอร์ แท็บเล็ต เน็กซัส 7 นอกสหรัฐฯ อาจไม่ได้รับคอนเท้นตามที่โฆษณา

ข่าวร้าย สั่งพรีออเดอร์ แท็บเล็ต เน็กซัส 7 นอกสหรัฐฯ อาจไม่ได้รับคอนเท้นตามที่โฆษณา


นับเป็นข่าวร้ายสำหรับคอแก็ดเจ็ตที่สั่งพรีออเดอร์ กูเกิล เน็กซัส 7 แท็บเล็ตตัวแรกจากค่ายกูเกิล ที่อาศัยอยู่นอกเขตสหรัฐฯ เมื่อพวกเขาเหล่านี้อาจจะไม่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงคอนเท้นแบบเต็มรูปแบบ ตามที่โฆษณาไว้หน้าเว็บฯ จำหน่าย

ขณะที่ผู้ซื้อในสหรัฐฯ จะมีสิทธิในการเข้าถึงคอนเท้นแบบเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรายการโทรทัศน์, เพลง หรือแมกกาซีน ส่วนประเทศที่เหลืออย่างแคนาดา อังกฤษ และออสเตรเลีย จะถูกจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึงคอนเท้นที่เปิดให้มีการดาวน์โหลด ถึงแม้ว่าหน้าเว็บโฆษณาแท็บเล็ต เน็กซัส ทางฝั่งอังกฤษจะมีการเคลมไว้ก็ตาม โดยตัวแทนจากกูเกิลให้เหตุผลว่า ปัจจุบัน กูเกิล เพลย์ ของอังกฤษ รองรับการใช้งานเพียงแอพพลิเคชั่น เช่าภาพยนตร์ และอีบุ๊คเท่านั้น แต่เราก็จะมีการพัฒนาให้เปิดใช้ได้ทุกหัวข้อในเร็ววันนี้ สำหรับราคาของแท็บเล็ต กูเกิล เน็กซัส 7 ที่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ สนนราคาที่ 199 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 6,000 บาท ขณะที่ราคาที่ขายในอังกฤษ จะสูงกว่าโดยอยู่ที่ 159ปอนด์หรือราวๆ 250 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 7,500 บาท ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุด ก็คือการมาพร้อมกับแอนดรอยด์เวอร์ชั่นล่าสุด "เจลลี่ บีน"

อ่านต่อที่นี่

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

11 สิ่งที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับ Fanpage

1. ขยาย Post ให้กว้างเต็มจอ
คลิกปุ่มดาวที่มุมขวาบนของโพสต์ที่อยากขยายให้กว้างเต็มจอ (Highlight Post) แล้วถ้าเมื่อไรจะหดกลับให้เป็นโพสต์ปกติก็ Remove from Highlights ซึ่งหลายคนคงทราบอยู่แล้ว





2. เลือกประเทศและภาษาของผู้ที่จะเห็นโพสต์นั้น
สมมติว่าคุณดูแลแฟนเพจเดียว แต่ต้องเขียนภาษาต่างๆ 5 ภาษา รองรับกลุ่มลูกค้า 5 ประเทศ จะโพสต์หลายๆภาษาในแฟนเพจเดียวก็กลัวจะไปรกสายตาคนที่อ่านไม่ออก จะแยกเป้น 5 แฟนเพจก็เพิ่มงานเยอะเกินและจำนวนแฟนก้จะน้อยไป

คำตอบคือฟังก์ชั่นนี้ คือก่อนที่จะโพสต์ ให้สังเกตข้างซ้ายของปุ่ม Post จะมีปุ่ม Public ให้กดแล้วเลือก Target by: Location/Language.

เท่านี้แฟนเพจเดียวก้รองรับได้สารพัดภาษา โดยคนแต่ละกลุ่มมองเห็นแต่โพสต์ที่ตัวเองเห็นได้ ไม่ต้องไปแยกทำหลายแฟนเพจให้ำนวนแฟนก็ไม่แตกแยกย่อยน้อยเสียเปล่าๆ แถมยังเหนื่อยต้องดูแลหลายเพจอีก



อันนี้แหละ ที่ผมเพิ่งรู้ตอนอ่านบทความ

3. ปักหมุด "Pin" Posts ไว้อยู่บนสุดตลอดเวลา
แอดมินหลายคนชอบกดปุ่มรูปดาวเพื่อ Hilight โพสต์สำคัญๆให้ขยายกว้างเต็มจอ โดยนึกว่าจะทำให้มันอยู่บนสุดด้วย แต่ความจริงก็คือการ Hilight นั้นแค่ทำให้กว้างเต็ม แต่ไม่ได้ทำให้อยู่บนสุด

การจะ "ปักหมุด" ไว้บนสุดตลอดนั้น ต้องกดที่ Edit ตรงปุ่มรูปดินสอ แล้วเลือก Pin to top

และเมื่อจะเอาออกเมื่อไหร่ก็ Unpin From Top ให้โพสต์นั้นกลับไปเป็นโพสต์ธรรมดาๆอยู่ที่เดิม

แต่ถ้าเราไม่ได้ไปทำอะไรมันเลย พอครบ 7 วัน มันก็จะหลุดจากตำแหน่งกลับไปอยู่ที่เดิมที่ควรจะอยู่





4. เลื่อนรูปให้เหมาะกับกรอบ
หลายครั้งที่เราโพสต์รูปใหญ่หน่อยบน timeline พอมันขึ้นบนนั้นแล้วก็จะถูกตัดขอบออกไป เพราะ timeline ถูกแบ่งเป้น 2 แถบซ้ายขวา ถ้าไม่ Hilight โพสต์นั้นล่ะก็ โอกาสหน้าแหว่ง หรือภาพสินค้าแหว่ง ก็สูง

วิธีแก้คือ กดที่ปุ่ม ดินสอ อีกแล้ว เพื่อจะ edit จากนั้นเลือก Reposition Photo แล้วคลิกหรือทัชค้างที่รูปแล้วขยับไปมาให้พอดีไม่แหว่งเท่าที่จะทำได้ จากนั้นเลือก Save

ข้อนี้ใช้กับรูปที่แชร์มาอีกทีได้ด้วย



5. ปิดรับข้อความ Messsage
ถ้าเป้นแฟนเพจธุรกิจ หรือองค์หรหน่วยงานที่ต้องบริการผู้คน ข้อนี้เป็นข้อที่ไม่แนะนำให้ทำอย่างยิ่ง แต่ถ้าเป้นเพจลักษณะอื่นๆที่จะไม่รับข้อความจริง ก็ทำได้โดย …

ไปที่มุมด้านบนขวาของหน้าเพจที่เราแอดมิน (โซน Admin Panel) เลือก Edit Page แล้วเลือก Manage Permissions

ในหน้านั้น มองลงไปที่ตัวเลือก Message แถวกลางๆหน้า เอาเครื่องหมายติ๊กถูกตรง Show "Message" button on [Your Brand] ออกไป เท่านี้ fan ๆ ก็จะไม่สามารถส่งข้อความหลังไมค์มาถึงแอดมินได้





6. แชร์เพจอื่นบนเพจเรา

บางครั้งเราจะแชร์เพจอื่นๆบนหน้าเพจเรา เป็นการแชร์เพจนั้นทั้งเพจ ไม่ใช่แชร์เแพาะโพสต์หนึ่งๆ

ไปที่เพจอื่นที่เราจะแชร์ กดปุ่มรูปฟันเฟืองเล็กๆ แถวๆมุมบนขวา

กด Share แล้วเลือก "On Your Pages" เลือกเพจที่จะไปโพสต์บนนั้น แล้วพิมพ์คำอธิบายเพิ่มไปได้เลย

ข้อนี้อาจใช้เวลาที่เราไปตกลงกับเพจอื่นๆที่มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน ว่าจะแลกแชร์กันเพื่อเพิ่มจำนวน Like หรือใช้เมื่อจะแชร์เพจอื่นๆใหม่ๆในเครือเดียวกัน





7. ทำ Poll
สังเกตเหนือช่องโพสต์ข้อความใหม่ จะมี 3 ปุ่มคือ Status กับ Photo / Video และ Event, Milestone + ให้เลือก Event, Milestone + แล้วเลือก Question.

จะตั้งคำถามไว้ แล้วให้คนมาเพิ่มคำตอบไปเรื่อยๆก็ได้ หรือจะตั้งช้อยส์โดย Add Poll Options ก็ได้ เพื่อให้คนโหวตกัน






8. เพิ่ม Favorites Box (เดิมคือ tab)
Tab เดิมๆกลายเป็น Favorites Box เช่น Note หรือ Video โดยพื้นฐานแล้วจะมี Photo , Likes ถ้าเจอกรอบไหนว่างๆก็กด + แล้วเลือกเพิ่มได้เลย เช่น Notes บทความหรือบล็อก

แต่ถ้าไม่เห็นกรอบว่างเลย ให้กดลูกศรชี้ลงขวาสุด ก็จะเห็นในแถวที่สองลงมาเอง





9. ดูทุกโพสต์ที่เกิดขึ้นบน Timeline แบบง่ายๆเร็วๆ
ถ้าอยากจะไล่ดูโพสต์ย้อนหลัง ทั้งของเพจเอง และของแฟนๆ บนเพจเราแบบง่ายๆเร็วๆไม่ต้องดูสวยงามแบบ timeline ปกติล่ะก็ กดที่ Edit Page แล้วเลือก Use Activity Log

จากนั้นถ้าคลิก All ด้านบนขวา ยังเลือกดูเฉพาะโพสต์บางอย่างได้ด้วย ตามรูป …





10. เลือกโปรโมทเพจอื่นๆในกรอบ Likes
ไม่ได้มีแต่ คน (profile) เท่านั้นที่ Like Page ต่างๆได้ เพราะเพจก็ Like เป็นแฟนกันเองได้

แล้วจากนั้นเพจต่างๆที่เราแอดมินไปกดไลค์ในฐานะเพจ ก็จะไปรวมกันในกรอบ Likes ทางขวา

ซึ่งกรอบนี้เราสามารถจัดเรียงได้ว่าจะโชว์อะไรก่อนหลัง โดยไปที่ Edit Page เลือก Update Info แล้วเลือก Featured คลิกที่ Edit Featured Likes เลือกเพจที่เราอยากให้โชว์ในกรอบนี้ แล้ว Save จากนั้นมันจะโชว์ทีละ 5 เพจ ถ้าเราเลือกไว้มากกว่านั้นก็จะหมุนเวียนกันมาโชว์

กรอบนี้มีประโยชน์ในการโปรโมทเพจอื่นๆในเครือ หรืออาจทำข้อตกลงกันอย่างไรก็แล้วแต่ เช่นเพจเปิดใหม่ มี 200 แฟน อาจไปตกลงขออยู่ในกรอบ Likes ของเพจที่มี 5 หมื่นแฟน





11. เอากรอบ "Recent Posts by Others" ออก
ปกติในไทม์ไลน์จะเห็นแต่โพสต์ของเพจเอง โดยโพสต์ของแฟนๆจะไปรวมกันในกรอบ "Recent Posts by Others"

ในบางเพจบางสถานการณ์ อาจจะอยากถอดกรอบนี้ออกก่อน คือคนมาโพสต์ก็โพสต์ได้ เราตอบได้ แต่ไม่โชว์ในหน้าไทม์ไลน์ ก็ทำได้โดย …

เลือก Edit Page ใน Admin Panel ที่เดิมเหมือนข้อบนๆหลายข้อ จากนั้นเลือก Update Info แล้วกด Manage Permissions

ถัดจาก Post Visibilityให้ติ๊กเอาเครื่องหมายถูกออกไปตรงที่ "Recent Posts by Others" on the top of [Your Brand]"



credit : mashable.com
special thank: แปลไทยโดย marketingoops.com

อ่านต่อที่นี่

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แปลงร่างมือถือหรือ Tablet ให้เป็นเครื่องกระจายสัญญาณ Internet!


หากคุณมีอุปกรณ์พวก notebook, netbook หรือ tablet อยู่ในมือ และต้องการเชื่อมต่อ internet แต่เครื่องที่มี ก็ใส่ sim มือถือเพื่อใช้ internet ไม่ได้ ก็เลยต่อ internet ไม่ได้ แถมแถวนั้น ก็ไม่มีบริการ wi-fi ด้วย จะทำอย่างไร หากต้องการใช้งาน internet จริงๆ

ก่อนอื่นลองสำรวจดูว่าคุณมีมือถือ iPhone ที่เป็น iOS เวอร์ชั่น 4.3 ขึ้นไป หรือ มี smartphone หรือ tablet 3G ที่เป็น android version 2.2 ขึ้นไป อยู่ด้วยแถวๆนั้นหรือไม่? ถ้าหากมี…ก็สามารถแปลงสมาร์ทโฟนหรือ tablet พวกนี้ ให้กลายเป็น wi-fi Hotspot มาปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ต wi-fi ให้กับอุปกรณ์ต่างๆที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ wi-fi เพื่อเข้าใช้งาน internet ได้ค่ะ

นอกจากนี้ ยังช่วยให้ iPad2 หรือ iPhone4 สามารถทำ Facetime (ที่ปกติจะอนุญาตให้ทำได้เฉพาะเมื่อเชื่อมต่อกับ Wi-Fi เท่านั้น) ได้ แม้ในยามที่ไม่มีบริการ Wi-Fi แถวๆนั้น! (อ่านเพิ่มเติมได้จากบทความ ทำ Facetime บน iPad2, iPhone4 ได้แม้ไม่มี Wi-Fi )

1.ใช้ iPhone




Personal Hotspot บนโทรศัพท์มือถือ iPhone4
เนื่องจาก iOS 4.3 นั้นสามารถกระจายสัญญาณ Wi-Fi ได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้

ก่อนอื่น ต้องสำรวจก่อนว่า iPhone ของเรา ได้ upgrade firmware เป็น iOS 4.3 ขึ้นไปหรือยัง หากยัง ต้องทำการ upgrade เสียก่อน เพราะ function นี้ สามารถใช้ได้ใน iOS 4.3 ขึ้นไป
iPhone4 ของเรา ก็ต้องใส่ ซิมที่ต่อ internet ได้อยู่แล้ว (ทางที่ดีควรเป็นซิม 3G เพื่อความเร็วที่เหมาะสม)
จากนั้นก็ เปิดการใช้งาน Personal Hotspot บน iPhone4 เพื่อกระจายสัญญาณ Wifi ออกมาโดยไปที่ settings แล้วเปิดใช้งาน Personal Hotspot…. ตั้งค่า password
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถหยิบอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องการเชื่อมต่อ internet มารอรับสัญญาณ wi-fi จาก iPhone ของเรา เมื่อเปิดขึ้นมา ก็ค้นหา wifi และเลือกเชื่อมต่อ และใส่รหัสผ่านให้ตรงกัน ก็เริ่มต้นใช้งาน internet ได้แล้ว



2. ใช้ Wi-Fi Hotspot จาก โทรศัพม์มือถือและแท็ปเล็ต Android



ทั้งโทรศัพท์มือถือ และแท็ปเล็ต ที่มีระบบปฏิบัติการ Android version 2.2 ขึ้นไปก็สามารถกระจายสัญญาณ Wi-Fi ได้โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. โทรศัพท์มือถือ หรือ แท็ปเล็ต จะต้องมีระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 2.2 ขึ้นไป และรองรับการใส่ sim มือถือได้
2. ใส่ซิมโทรศัพท์ลงไปในโทรศัพท์มือถือ หรือ แท็ปเล็ต โดยแนะนำว่าควรเป็น sim แบบ 3G
3. เปิดการทำงาน Wi-Fi Hotspot เพื่อกระจายสัญญาณ WiFi จาก sim โทรศัพท์ในเครื่อง ด้วยการเข้าไปที่ Settings >> แล้วเลือก Wireless and network >> จากนั้นเลือก Mobile AP หรือบางรุ่นก็เป็น Portable Wi-fi Hotspot แล้วก็ไปติ๊กเครื่องหมายถูกเพื่อเปิดใช้ Mobile AP หรือ Portable Wi-fi Hotspot



เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถหยิบอุปกรณ์ต่างๆ เช่น Notebook, Netbook ที่ต้องการเชื่อมต่อ internet แบบ Wi-Fi หรือแม้แต่ iPad2 ที่ต้องการทำ Facetime มารอรับสัญญาณ wi-fi จาก มือถือหรือ Tablet ของเราที่เปิดใฃ้ฟังก์ชั่น Wi-Fi Hotspot แล้ว โดยเปิดอุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อค้นหาสัญญาณ wifi และเลือกเชื่อมต่อ ก็ใช้งาน internet ได้แล้ว

อ่านต่อที่นี่

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Best WordPress Themes