ผลการสำรวจล่าสุดพบ สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์คว้าแชมป์ถูกร้องเรียนเรื่องฮาร์ดแวร์มากที่สุด รองลงมาเป็นวินโดวส์โฟน ไอโอเอส โดยบีบีและอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอรี่โอเอสถูกร้องเรียนน้อยที่สุด
บริษัทวิจัย WDS ซึ่งระบุว่าได้ติดตามสายร้องเรียนด้านเทคนิคมากกว่า 600,000 ครั้งของผู้บริโภคในพื้นที่ยุโรป, อเมริกาเหนือ, อัฟริกาใต้ และออสเตรเลียตลอดช่วงปีที่ผ่านมา พบว่ากว่า 14% ของการขอความช่วยเหลือด้านฮาร์ดแวร์นั้นเป็นของผู้ใช้แอนดรอยด์ (Android) ถือว่าสูงกว่า 11% ของผู้ใช้วินโดวส์โฟน (Windows Phone) และ 7% ของผู้ใช้ไอโฟนระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) รวมถึง 6% ของบีบีที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอรี่โอเอส (BlackBerry OS)
WDS ยังพบว่าอัตราการ"ล้มเหลว"ของสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์นั้นนำไปสู่การซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเครื่องมากกว่าไอโฟนและแบล็กเบอรี่ ทำให้ภาระบางส่วนตกอยู่กับโอเปอเรเตอร์ซึ่งคิดเป็นมูลค่าไม่น้อยในแต่ละปี โดยเบื้องต้นมีการประเมินว่าค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาฮาร์ดแวร์แอนดรอยด์ของโอเปอเรเตอร์ทั่วโลกนั้นมีมูลค่าสูงถึง 2 พันล้านเหรียญต่อปี
WDS เชื่อว่าสาเหตุหลักของปัญหาฮาร์ดแวร์ในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์นั้นมาจากความแพร่หลาย เพราะแอนดรอยด์เป็นแพลตฟอร์มที่ถูกใช้งานมากกว่าแพลตฟอร์มใดในโลก ขณะเดียวกันก็เป็นแพลตฟอร์มที่ถูกใช้ในสมาร์ทโฟนราคาประหยัด ซึ่งอาจมีส่วนกระทบต่อคุณภาพฮาร์ดแวร์
WDS ตั้งข้อสังเกตในรายงานว่าเพราะการถูกใช้ในบริษัทรับจ้างผลิตโทรศัพท์มือถือมากกว่า 25 เจ้าของแอนดรอยด์ และสายการผลิตต้นทุนต่ำล้วนมีส่วนทำให้อัตราเครื่องเสียของแพลตฟอร์มแอนดรอยด์สูงกว่ามาตรฐาน โดยใน 12.6% ของสายร้องเรียนเรื่องฮาร์ดแวร์แอนดรอยด์นั้นส่วนใหญ่เป็นปัญหาหน้าจอทัชสกรีน, ปุ่มกด, ลำโพง, ไมโครโฟน และแบตเตอรี่
WDS ระบุว่าได้ลงมือติดตามสายการร้องเรียนทั้ง 600,000 ครั้งตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2010 ถึงเดือนสิงหาคม ปี 2011 โดยสรุปว่าผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นความจำเป็นของการเน้นให้ความสำคัญกับการยกระดับฮาร์ดแวร์เครื่องและการใส่ใจเรื่องการสนับสนุนของผู้ผลิตและผู้จำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับแอนดรอยด์ ซึ่งควรเกิดขึ้นอย่างจริงจังนับแต่นี้
ข่าวโดย ผู้จัดการ
อ่านต่อที่นี่